วันพุธ
ที่ 31 มกราคม 2561
เนื้อหา
-นำเสนอคำคมผู้บริหาร
บทบาทของผู้บริหาร
ผู้นำในยุคโลกาภิวัตน์
เมื่อกล่าวถึงผู้นำ
คนส่วนใหญ่จะคิดถึงภาพของผู้ที่มีอำนาจ มีตำแหน่งใหญ่โต มีอิทธิพล ต่อผู้อื่น
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่สามารถสั่งการได้ หรือเดินตามในทิศทางที่ผู้นำก้าวเดินหรือกำหนดให้
ผู้คนเกรงกลัว
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการบริหาร
ผู้นำยังคงเป็นความคาดหวังสูงสุดในการแบกรับภาระ นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
แต่ทว่า บทบาทผู้นำในยุคของพระนเรศวรมหาราชกับผู้นำของวันนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจ หากผู้นำคนใดยังผูกขาดการตัดสินใจ ไม่ยอมสร้างการมีส่วนร่วม
ก็ยากที่จะนำพาองค์กรหรือประเทศอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ
ผู้นำยุคนี้ต้องทำงานเชิงรุกเพื่อสร้างความได้เปรียบอยู่เสมอ
ความหมายและประเภทของผู้นำ ผู้นำ (Leader) หมายถึง บุคคลที่มีศิลป บุคลิกภาพ ความสามารถ เหนือบุคคลทั่วไป
สามารถชักจูงให้ผู้อื่นปฏิบัติตามที่ต้องการได้ ส่วนความเป็นผู้นำ (Leadership)
เป็นกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ผู้บริหารทุกคนควรเป็นผู้นำ และมีภาวะผู้นำ
แต่ผู้นำไม่สามารถเป็นผู้บริหารที่ดีได้ทุกคน เพราะผู้บริหารต้องมีทักษะ มีความสามารถในหน้าที่ของผู้บริหารด้วย
ประเภทของผู้นำ
1.ผู้นำตามอำนาจหน้าที่
เป็นผู้นำโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ (Authority) และมีอำนาจบารมี
(Power) เป็นเครื่องมือ มีลักษณะที่เป็นทางการ (Formal)
และไม่เป็นทางการ (Informal) เกิดพลังร่วมของกลุ่มในการดำเนินงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
อำนาจนี้ได้มาจาก กฎหมาย กฎระเบียบ หรือขนบธรรมเนียม ในการปฏิบัติ
จำแนกผู้นำประเภทนี้ออกเป็น 3 แบบ คือ 1 ผู้นำแบบใช้พระเดช 2 ผู้นำแบบใช้พระคุณ 3 ผู้นำแบบพ่อพระ
1.1 ผู้นำแบบใช้พระเดช (Legal
Leadership) ผู้นำแบบนี้เป็นผู้นำที่ได้อำนาจในการปกครองบังคับบัญชาตามกฎหมายมีอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ราชการมาหรือเกิดขึ้นจากตัวผู้นั้น
หรือจากบุคลิกภาพของผู้นั้นเอง
1.2 ผู้นำแบบใช้พระคุณ (Charismatic Leadership) ผู้นำที่ได้อำนาจเกิดขึ้นจากบุคลิกภาพอันเป็นคุณสมบัติส่วนตัวของผู้นั้น
มิใช่อำนาจที่เกิดขึ้นจากตำแหน่งหน้าที่
ความสำเร็จในการครองใจและชนะใจของผู้นำประเภทนี้
ได้มาจากแรงศรัทธาที่ก่อให้ผู้อยู่ใต้บังคับเกิดความเคารพนับถือและเป็นพลังที่จะช่วยผลักดันให้ร่วมจิตร่วมใจกัน
ปฏิบัติตามคำสั่งแนะนำด้วยความเต็มใจ
1.3 ผู้นำแบบพ่อพระ (Symbolic Leadership) ผู้นำที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายมิได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการปกครองบังคับบัญชา
บุคคลเหล่านั้นปฏิบัติตามเพราะเกิดแรงศรัทธา
หรือสัญญาลักษณ์ในตัวของผู้นั้นมากกว่า
2. ผู้นำตามการใช้อำนาจ
2.1 ผู้นำแบบเผด็จการ (Autocratic Leadership) หรือ อัตนิยม คือใช้อำนาจต่าง ๆ
ที่มีอยู่ในการสั่งการแบบเผด็จการโดยรวบอำนาจ
ไม่ให้โอกาสแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
ตั้งตัวเป็นผู้บงการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเชื่อฟังโดยเด็ดขาด
ปฏิบัติการแบบนี้เรียกว่า One Man Show อยู่ตลอดเวลาโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของผู้ปฏิบัติงาน
เช่นฮิตเลอร์
2.2
ผู้นำแบบเสรีนิยม (Laisser-Faire Leadership) หรือ Free-rein Leadership ผู้นำแบบนี้เกือบไม่มีลักษณะเป็นผู้นำเหลืออยู่เลย
คือ ปล่อยให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทำกิจการใด ๆ ก็ตามได้โดยเสรี
ซึ่งการกระทำนั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบหรือข้อบังคับที่กำหนดไว้
และตนเป็นผู้ดูแลให้กิจการดำเนินไปได้โดยถูกต้องเท่านั้น
มีการตรวจตราน้อยมากและไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือในการดำเนินงานใด ๆ ทั้งสิ้น
2.3 ผู้นำแบบประชาธิปไตย (Democratic Leadership) ผู้นำแบบนี้
เป็นผู้นำที่ประมวลเอาความคิดเห็น
ข้อเสนอแนะจากคณะบุคคลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาที่มาประชุมร่วมกัน
อภิปรายแสดงความคิดเห็นในปัญหาต่าง ๆ เพื่อนำเอาความคิดที่ดีที่สุดมาใช้ ฉะนั้น
นโยบายและคำสั่งจึงมีลักษณะเป็นของบุคคลโดยเสียงข้างมาก
3. ผู้นำตามบทบาทที่แสดงออก จำแนกเป็น 3 แบบ คือ
3.1 ผู้นำแบบบิดา-มารดา (Parental Leadership) ผู้นำแบบนี้ ปฏิบัติตนเหมือนพ่อ-แม่ คือทำตนเป็นพ่อแม่เห็นผู้อื่นเป็นเด็ก อาจจะแสดงออกมาในบทบาทของพ่อแม่ที่อบอุ่น ใจดีให้กำลังใจ หรืออาจแสดงออก ตรงกันข้ามในลักษณะการตำหนิติเตียนวิพากษ์ วิจารณ์ คาดโทษ แสดงอำนาจ
3.1 ผู้นำแบบบิดา-มารดา (Parental Leadership) ผู้นำแบบนี้ ปฏิบัติตนเหมือนพ่อ-แม่ คือทำตนเป็นพ่อแม่เห็นผู้อื่นเป็นเด็ก อาจจะแสดงออกมาในบทบาทของพ่อแม่ที่อบอุ่น ใจดีให้กำลังใจ หรืออาจแสดงออก ตรงกันข้ามในลักษณะการตำหนิติเตียนวิพากษ์ วิจารณ์ คาดโทษ แสดงอำนาจ
3.2
ผู้นำแบบนักการเมือง (Manipulater
Leadership) ผู้นำแบบนี้พยายามสะสมและใช้อำนาจ
โดยอาศัยความรอบรู้และตำแหน่งหน้าที่การงานของคนอื่นมาแอบอ้างเพื่อให้ตนได้มีความสำคัญและเข้ากับสถานการณ์นั้น
ๆ ได้ ผู้นำแบบนี้เข้าทำนองว่ายืมมือ
ของผู้บังคับบัญชาของผู้นำแบบนี้อีกชั้นหนึ่ง
โดยเสนอขอให้สั่งการเพื่อประโยชน์แก่การสร้างอิทธิให้แก่ตนเอง
3.3
ผู้นำแบบผู้เชี่ยวชาญ
(Expert Leadership) ผู้นำแบบนี้เกือบจะเรียกว่าไม่ได้เป็นผู้นำตามความหมายทางการบริหาร
เพราะมีหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำแก่ Staff
ผู้นำแบบนี้มักเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้เฉพาะอย่าง เช่น
คุณหมอพรทิพย์ มีความเชี่ยวชาญในการตรวจ DNAถ้าพิจารณาจากบุคลิกภาพอีริก
เบิร์น จิตแพทย์ชาวอเมริกัน ได้วิเคราะห์โครงสร้างของบุคลิกภาพของคนว่ามีอยู่ 3
องค์ประกอบ คือภาวะของความเป็นเด็ก
(Child egostate ) ภาวะของการเป็นผู้ใหญ่ (Adult
egostate ) และภาวะของความเป็นผู้ปกครอง (Parents egostate)
ก็จะมองผู้นำได้เป็น 3 แบบ
คือภาวะความเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ พ่อแม่ ในแบบผู้นำ
คุณสมบัติของผู้นำ
ผู้ที่จะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้
จะต้องเป็นมาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาภายหลังได้ (Leader are
bone, not made)
คุณสมบัติพื้นฐานที่ทำให้ผู้นำแตกต่างจากบุคคลทั่วไป
1. ความมุ่งมั่น (drive)
2. แรงจูงใจในการเป็นผู้นำ (Leadership Motivation)
3. ความซื่อสัตย์ (Integrity)
4. ความเฉลียวฉลาด (Intelligence)
5. ความมั่นใจในตัวเอง (Self-confidence)
6. ความรอบรู้ในสิ่งที่ตนเองทำ (Knowledge of the Business)
ผู้นำยุคใหม่
คุณสมบัติของผู้นำตามอักษรแต่ละตัวในคำว่า
LEADERSHIP
มีความหมายบ่งชี้ถึงลักษณะต่างๆ ของผู้นำที่ดี ดังนี้
1. L คือ Listen เป็นผู้ฟังที่ดี..
2. E คือ Explain สามารถอธิบายสิ่งต่างๆ ให้เข้าใจได้..
3. A คือ Assist ช่วยเหลือเมื่อควรช่วย…
4. D คือ Discuss รู้จักแลกเปลี่ยนความคิดเห็น..
5. E คือ Evaluation ประเมินผลการปฏิบัติงาน..
6. R คือ Response แจ้งข้อมูลตอบกลับ…
7. S คือ Salute ทักทายปราศรัย...
8. H คือ Health มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ..
9. I คือ Inspire รู้จักกระตุ้นและให้กำลังใจลูกน้อง..
ผู้บริหารแบ่งออกเป็น
5
ประเภท คือ
1. ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการ (Line Manager)
2. ผู้บริหารทำหน้าที่ให้คำแนะนำ (Staff Manager)
3. ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการเฉพาะด้าน (Functional Manager)
4. ผู้บริหารทั่วไป (General Manager)
5. ผู้บริหาร (Administrator)
คุณลักษณะของผู้บริหาร
ผู้บริหารที่ดีควรที่จะมีคุณสมบัติของผู้นำควบคู่ไปด้วย
ดังนี้
1. มีภาวะผู้นำ
มีศิลปะในการครองใจคน
2. มีเมตตาธรรม
ไม่มีอคติ หรือ ฉันทคติ
3. ต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและความถูกต้อง
4. เป็นนักคิด
นักวิเคราะห์
5. มีการสร้างวิสัยทัศน์
6. มีทักษะหลายด้าน •ทักษะใกาตัดสินใจ •ทักษะในการวางแผน • ทักษะในการจัดองค์กร • ทักษะในการแก้ไขปัญหา •ทักษะในการสร้างทีมงาน
การนำมาประยุกต์ใช้
นำความรู้เหล่านี้มาปรับใช้กับการเป็นผู้นำที่ดีและเป็นแบบอย่างในการเป็นผู้บริหารที่ดีในอนาคต
การประเมิน
ประเมินตัวเอง เข้าเรียนตรงต่อเวลาและแต่งกายเรียบร้อย
ประเมินเพื่อน เพื่อนๆมาเรียนกันตรงต่อเวลาและตอบคำถาม
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
อาจารย์มีเอกสารประกอบการเรียนและให้คำแนะนำได้ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น